วันที่ 13 กันยายน 2566 เวลา 09.09 น. นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ มอบหมายให้ นายพิศุทธ์ พิศุทธกุล เลขานุการนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ร่วมพิธีบวงสรวงและบอกกล่าว พิธีอัญเชิญปืนใหญ่โบราณ ประดิษฐาน ด้านหน้าลานพระอนุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ จำนวน 2 กระบอก ณ ศาลจังหวัดเชียงใหม่
สมัยก่อนเชียงใหม่ยังใช้ปืนโบราณอยู่ และทำให้ไม่พอต่อการใช้งานในราชการสงคราม เชียงใหม่จึงได้ดำเนินการขอปืนใหญ่จากกรุงเทพมหานคร โดยทางเมืองกรุงนั้นได้ให้ปืนใหญ่มา แต่ไม่ได้ตามจำนวนที่ขอไป หากเชียงใหม่ต้องการปืนใหญ่มากกว่านี้จะเป็นการซื้อ ซึ่งในสมัยเจ้าหลวงพุทธวงศ์ มีการซื้อปืนใหญ่จากประเทศอังกฤษ โดยแลกกับทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ป่าไม้ เป็นต้น (สัมปทานป่าไม้)
ปัจจุบันคงเหลือปืนใหญ่สัมฤทธิ์ 4 กระบอกที่หน้าเทศบาลนครเชียงใหม่ และเหลือปืนโลหะซึ่งหล่อด้วย เหล็กบริษัทอามสตรองอีกประมาณ 10 กว่ากระบอกทั่วเมืองเชียงใหม่ ซึ่งประจำอยู่ วัดเจดีย์หลวง 2 กระบอก หน้าศาลแขวง 2 กระบอกหน้าสถานเรือนจำหญิง 2 กระบอก ค่ายกาวิละ 1 กระบอก โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย 1 กระบอก ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกัน ส่วนที่วัดแสนฝางนั้น มีอยู่ประมาณ 5-6 กระบอก
ต่อมาหลังจากศาลแขวงและศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นหอศิลปวัฒนธรรมจังหวัด ปี พ.ศ. 2548 - 2549 ได้มีการรื้อถอนออกจากบริเวณหน้าศาลแขวง ต่อมาปี 2554 ทางค่าย ป.พัน 7 ทำเรื่องขอย้ายมาประจำไว้ที่ ป.พัน 7 จังหวัดเชียงใหม่ โดยปัจจุบันได้ย้ายมาจัดตั้งด้านหน้าลานพระอนุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (ศาลจังหวัดเชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่)
#เทศบาลนครเชียงใหม่
#ChiangmaiMunicipality